การให้สินเชื่อแก่นักลงทุนเพื่อซื้อหลักทรัพย์
สินเชื่อแก่นักลงทุนเพื่อซื้อหลักทรัพย์
- บัญชีเครดิตบาลานซ์ คือ บัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ โดยลูกค้าต้องได้รับอนุมัติวงเงินกู้ยืมและมีการวางหลักประกันก่อนการซื้อหลักทรัพย์
- กรณีลูกค้าวางเงินสดเป็นหลักประกัน หากมูลค่าหุ้นที่ลูกค้าซื้อต่ำกว่าเงินสดที่เป็นหลักประกันจะยังไม่เกิดภาระหนี้
- ลูกค้าซื้อ/ฝากหลักทรัพย์ ได้เฉพาะ หลักทรัพย์ที่ TSFC อนุญาต เท่านั้น
- TSFC จะทำการปรับปรุงมูลค่าหลักทรัพย์ในบัญชีทุกวัน (Mark to Market) โดยใช้ราคาปิด (Close Price) ในการคำนวณ
- หากมูลค่าเงินลงทุนของลูกค้า (Equity) ต่ำกว่ามูลค่าหลักประกันที่ต้องดำรงไว้ (Maintenance Margin Call Amount) ลูกค้าจะต้องนำเงินสด หรือหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันเพิ่ม (Call top-up) ภายใน 5 วันทำการ
- หากมูลค่าเงินลงทุนของลูกค้า (Equity) ต่ำกว่ามูลค่าหลักประกันขั้นต่ำที่ต้องดำรงไว้ (Maintenance Margin Force Amount) ลูกค้าจะถูกบังคับขาย (Force Sell) ในวันทำการถัดไป
หลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อในบัญชีเครดิตบาลานซ์
เนื่องจากหลักทรัพย์แต่ละหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีปัจจัยพื้นฐาน และความเสี่ยงด้านสภาพคล่องต่างกัน ดังนั้น TSFC จะมีการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่อนุญาตให้ซื้อขายในบัญชีเครดิตบาลานซ์ของ TSFC (ปัจจุบันมีประมาณ 200 หลักทรัพย์) รวมถึงกำหนดเกรดของหลักทรัพย์ และอัตรามาร์จิ้น (Initial Margin Call Margin และ Force Margin) ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละ หลักทรัพย์ซึ่ง TSFC จะประกาศ ให้ลูกค้าทราบทาง Website ของ TSFC และจะมีการปรับปรุงประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ฯ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
การคำนวณดอกเบี้ย
TSFC จะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินสดคงเหลือ/ภาระหนี้คงค้างที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละสิ้นวัน (Daily Accounting Balance) ( ตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ย) ณ สิ้นเดือน TSFC จะนำยอดรวมของดอกเบี้ยดังกล่าวมาปรับปรุงกับยอดเงินสดคงเหลือ/ภาระหนี้คงค้างในบัญชีเครดิตบาลานซ์ของลูกค้า โดย TSFC จะส่ง Statement แจ้งให้ลูกค้าทราบทุกเดือน
- กรณีลูกค้ามีเงินสดคงเหลือ ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่ TSFC กำหนด
- กรณีลูกค้ามีภาระหนี้คงค้าง ลูกค้าจะต้องชำระดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราที่ TSFC กำหนด
ประกาศอัตราดอกเบี้ย
ประเภทบัญชี | อัตราดอกเบี้ย (%) ต่อปี | มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ |
---|---|---|
ประเภทบัญชี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั่วไป | อัตราดอกเบี้ย (%) ต่อปี 6.35 | มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2567 |
ประเภทบัญชี อัตราดอกเบี้ยสำหรับยอดเงินคงเหลือในบัญชีเครดิตบาลานซ์ | อัตราดอกเบี้ย (%) ต่อปี 0.30 | มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 11 มกราคม 2564 |
ประเภทบัญชี อัตราดอกเบี้ยสูงสุด ในกรณีลูกค้าผิดนัด และ/หรือผิดสัญญา | อัตราดอกเบี้ย (%) ต่อปี 20.00 | มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 18 พฤศจิกายน 2551 |
คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับบัญชีเครดิตบาลานซ์
คำศัพท์ | หน่วย | คำอธิบายเพิ่มเติม | สูตรคำนวณ |
---|---|---|---|
คำศัพท์ Usable Credit Line | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม วงเงินกู้ยืมที่สามารถใช้ได้ (กำหนดโดย TSFC) | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ Cash Balance | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม เงินสด | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ LMV (Long Market Value) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาปิด | สูตรคำนวณ ผลรวมของ (จำนวนหุ้น × ราคาปิด) |
คำศัพท์ Margin Balance | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม เงินกู้ยืม | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ Equity | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม เงินลงทุนของลูกค้า | สูตรคำนวณ Cash + LMV - Margin Balance |
คำศัพท์ MM (Maintenance Margin) | หน่วย % | คำอธิบายเพิ่มเติม อัตรามาร์จิ้นบัญชีของลูกค้า | สูตรคำนวณ (Equity ÷ LMV) × 100 |
คำศัพท์ IM (Initial Margin) | หน่วย % | คำอธิบายเพิ่มเติม อัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (หลักทรัพย์ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น IM จะยิ่งสูงขึ้น) | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ CM (Call Margin) | หน่วย % | คำอธิบายเพิ่มเติม อัตรามาร์จิ้นที่ต้องวางหลักประกันเพิ่ม (หลักทรัพย์ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น CM จะยิ่งสูงขึ้น) | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ FM (Force Margin) | หน่วย % | คำอธิบายเพิ่มเติม อัตรามาร์จิ้นที่ถูกบังคับขายหลักประกัน (หลักทรัพย์ยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น FM จะยิ่งสูงขึ้น) | สูตรคำนวณ |
คำศัพท์ MR (Margin Required) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักประกันตามอัตรามาร์จิ้น (กรณีหลักทรัพย์มีความเสี่ยงต่างกัน ต้องแยกคำนวณตามกลุ่มความเสี่ยง) | สูตรคำนวณ ผลรวมของ (LMV × IM) |
คำศัพท์ EE (Excess Equity) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม ทรัพย์สินส่วนเกิน (สามารถซื้อหลักทรัพย์เพิ่ม/ถอนหลักประกันออกไปได้) | สูตรคำนวณ Equity - MR |
คำศัพท์ PP (Purchasing Power) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม อำนาจซื้อ (หลักทรัพย์ที่ซื้อยิ่งมีความเสี่ยงมาก อำนาจซื้อจะยิ่งน้อยลง) | สูตรคำนวณ EE ÷ IM |
คำศัพท์ MM. Call Amt. (Maintenance Margin Call Amount) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักประกันที่ต้องดำรงไว้ กรณี MM Force Amount < Equity < MM Call Amount ลูกค้าต้องนำหลักประกันมาวางเพิ่มภายใน 5 วันทำการ | สูตรคำนวณ ผลรวมของ (LMV × CM) |
คำศัพท์ Call Short Amt. (Call Short Amount) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักประกันที่ต้องนำมาวางเพิ่ม- กรณีวางเป็นเงินสด - กรณีวางเป็นหลักทรัพย์ | สูตรคำนวณ MM Call Amt. - EquityMM Call Amt. - Equity) ÷ (1 - CM) |
คำศัพท์ MM. Force Amt.(Maintenance Margin Force Amount) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักประกันขั้นต่ำที่ต้องดำรงไว้กรณี Equity < MM Force Amount ลูกค้าถูกบังคับขายหลักประกันในวันทำการถัดไป | สูตรคำนวณ ผลรวมของ (LMV × FM) |
คำศัพท์ Force Short Amt.(Force Short Amount) | หน่วย บาท | คำอธิบายเพิ่มเติม มูลค่าหลักประกันที่ต้องบังคับขายกรณีบังคับขายปกติ (Force to Force) - กรณีวางเป็นเงินสด - กรณีขายหลักทรัพย์ | สูตรคำนวณ MM Force Amt. - Equity(MM Force Amt. - Equity) ÷ FM |
คำศัพท์ | หน่วย | คำอธิบายเพิ่มเติม กรณีบังคับขายเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามจดหมาย Call (Force to Call)- กรณีวางเป็นเงินสด - กรณีขายหลักทรัพย์ | สูตรคำนวณ MM Call Amt. - Equity(MM Call Amt. - Equity) ÷ CM |